โครงการพัฒนา Enterprise Software สำหรับระบบโซ่อุปทานสาธารณสุขประเทศไทย
ระบบโซ่อุปทานสาธารณสุขถือเป็นห่วงโซ่ที่มีความซับซ้อนและมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ กิจกรรมที่ทำให้เกิดต้นทุนหลักของห่วงโซ่อุปทานสาธารณสุขไทยคือการบริหารจัดการยาและเวชภัณฑ์ หนึ่งในสาเหตุที่สำคัญ คือ ขาดการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และขาดการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ โครงสร้างมาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสมาชิกในโซ่อุปทานสาธารณสุขทั้งระบบ ดังนั้นเพื่อให้การทำงานแต่ละจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยาและเวชภัณฑ์ตั้งแต่ “ต้นน้ำ” จนถึง “ปลายน้ำ” นั้น สามารถเชื่อมโยงและประสานเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ทำให้การบริหารจัดการการทำงานระหว่างกันมีประสิทธิภาพมากที่สุด ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการทำงานเชื่อมโยงกัน นั่นคือ “ข้อมูล” บน Enterprise Software ที่สามารถทำให้ข้อมูลเชื่อมต่อกันได้
ดังนั้นโครงการวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษาระบบโซ่อุปทานยาและเวชภัณฑ์โดยรวม เพื่อนำไปออกแบบสถาปัตยกรรมเชิงเทคนิคระบบเทคโนโลยีสารสนเทศบนแนวคิด Enterprise และพัฒนาต้นแบบระบบโปรแกรมสารสนเทศEnterprise Software เพื่อใช้เป็นระบบการวางแผนในโซ่อุปทานภายในและภายนอก ทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับผู้ผลิตผู้กระจายสินค้าและสถานบริการสุขภาพนำร่อง และระบบโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นนี้จะใช้สนับสนุนแนวคิดการบริหารจัดการสต็อกด้วยหน่วยงานกลาง (Supply Process Distribute : SPD)
ผลการศึกษาวิจัยที่ได้ สามารถสรุปดังนี้
ต้นแบบระบบโปรแกรมสารสนเทศที่ใช้ในการวางแผนในโซ่อุปทานภายในและภายนอก(Smart System for SPD :SSS) ระบบนี้เป็นระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลทั้งโซ่อุปทานภายในและภายนอก ระหว่างผู้ผลิต ผู้กระจายสินค้า และสถานบริการสุขภาพ โดยระบบมีฟังก์ชั่นการทำงาน ดังนี้
– รับส่งผ่านข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงาน (Electronic Data Interchange: EDI) โดยเอกสารที่สำคัญที่ใช้ในการดำเนินการ ได้แก่ Purchase Order (PO) และ Advanced Shipment Notice (ASN)
– แสดงอัตราการใช้ และระดับสต็อกของยาและเวชภัณฑ์ที่มีการจัดเก็บอยู่ในคลังย่อย โรงพยาบาล และสามารถมองเห็นยอดการใช้งานที่คลังย่อยและโรงพยาบาลใช้ไป ด้วยระบบ E-Kanban ซึ่งเป็นระบบที่ใช้อ่าน-บันทึกข้อมูลยอดการใช้ และจากนั้นข้อมูลจะเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบกลาง (Smart System for SPD :SSS) ต่อไป
– สร้างและรักษาแผนการสำรองยาและเวชภัณฑ์คงคลังและช่วยพยากรณ์การเติมยาและเวชภัณฑ์ (VMI Replenishment) เพื่อให้ยาและเวชภัณฑ์อยู่ในระดับที่ได้ตกลงกัน
จะเห็นได้ว่าระบบโปรแกรมสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นภายใต้โครงการวิจัยนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตั้งแต่กระบวนการวางแผน การจัดซื้อ การขนส่ง ตลอดจนการบริหารจัดการสต็อก ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยลดต้นทุนโซ่อุปทานยาและเวชภัณฑ์องค์รวมในระดับประเทศลงได้อย่างมาก